นพ. สุทธิสิทธิ์ ลิขิตเลอสรวง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการปวดบริเวณลิ้นปี่และปวดบริเวณกลางท้อง มักเกิดจากโรคกระเพาะอาหารเป็นหลัก แต่ก็ควรระมัดระวังโรคอื่นด้วย เช่น โรคตับ ตับอ่อน หรือถุงน้ำดี ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องบริเวณกลางท้องหรือจุกท้องบริเวณลิ้นปี่ ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระสีดำ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ กลืนติดหรือกลืนลำบาก กลุ่มนี้ควรได้รับการส่องกล้องตรวจในกระเพาะอาหาร การเตรียมตัวเพื่อส่องกล้องกระเพาะอาหาร ควรงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการส่องกล้อง โดยขณะที่ทำการส่องกล้องในกระเพาะอาหาร แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ใส่เข้าไปบริเวณลำคอ จากนั้นสอดตัวกล้องเข้าไปในหลอดอาหารและกระเพาะอาหารตามลำดับ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเป็นโรคกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และยากลุ่มที่กัดกระเพาะอาหาร เช่น กลุ่มยาแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง กลุ่มนี้จะกัดกระเพาะสูง สำหรับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงส่วนมากมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ถึงแม้ไม่มีอาการก็มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ มักพบในผู้ที่มีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นตั้งแต่อายุยังน้อย หรือผู้ที่มีอาการตั้งแต่แรกเริ่ม เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักลด อาการแน่นท้อง ท้องผูก สลับท้องเสีย หรือถ่ายเหลวเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง กลุ่มนี้ทั้งหมดควรได้รับการตรวจโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ นพ. สุทธิสิทธิ์ ยังได้แนะนำวิธีการตรวจโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ว่ามี 3 วิธี วิธีอย่างง่ายคือการตรวจอุจจาระ วิธีในอดีตคือการตรวจโดยใช้สารทึบแสงเข้าไปในลำไส้ใหญ่ และวิธีที่ปัจจุบันนิยมใช้กันมากที่สุดคือการตรวจโดยการส่องกล้องเข้าไปในลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน และแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกาย ปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน มีการให้บริการที่ทันสมัยและปลอดภัย โดยได้นำนวัตกรรมใหม่ในการส่องกล้องเพื่อตรวจวินิจฉัยค้นหามะเร็งในระยะเริ่มต้นในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถดูได้ละเอียดมากขึ้น ที่เรียกว่า Narrow Band Imaging (NBI) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้ดียิ่งขึ้น และไม่มีการใช้สารเคมีฉีดเข้าไปในร่างกายคนไข้เพื่อหาความผิดปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัย และสามารถตรวจพบหากมีความผิดปกติของเนื้อเยื่อในระยะเริ่มต้น เพื่อรีบทำการรักษาโดยเร็วที่สุด ********************************************************************************* สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :  โรคทางเดินอาหารและตับ แผนกอายุรกรรม ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน โทร. 032-616-880 (7.00 – 19.00 น.)