สัญญาณเตือน "ติดเชื้อในกระแสเลือด"
ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis หรือ Septicemia) เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อ โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้หากไม่รักษาทันเวลา
นพ.ศิริชัย แสงงามมงคล อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจ และภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ และแพทย์ผู้ชำนาญการเวชบำบัดวิกฤต ผู้อำนวยการแผนกอายุกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน กล่าวว่า สาเหตุสำคัญ ของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดจากเชื้อโรค ส่วนใหญ่คือกลุ่มแบคทีเรีย แต่อาจเกิดจากไวรัส หรือเชื้อราได้ เช่น ปอดอักเสบ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ติดเชื้อในช่องท้อง หรือลำไส้ แผลติดเชื้อ หรือเชื้อ COVID-19 รุนแรง
กลไกการเกิด: เมื่อร่างกายติดเชื้อแล้วลุกลามและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ระบบภูมิคุ้มกันจะหลั่งสารเคมีออกมาทั่วร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งถ้าหากสารเหล่านี้มากเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เส้นเลือดขยายตัวหรือรั่ว ความดันตก อวัยวะขาดเลือด โดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และไต นำไปสู่อวัยวะล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้
ระดับความรุนแรง: ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดสามารถทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
อาการที่ต้องสังเกต: อาการของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความหลากหลาย ผู้ป่วยอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน เช่น ไข้สูง หนาวสั่น หรือบางรายอาจมีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ ตัวเย็น มีอาการหัวใจเต้นเร็วขึ้นผิดปกติ (มากกว่า 90 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่) หายใจเร็วและหอบเหนื่อย ความดันโลหิตต่ำ สับสน มึนงง หรือการรับรู้เปลี่ยนแปลงไป ผิวหนังมีสีซีด ชื้น หรืออาจมีผื่นขึ้น มีปัสสาวะออกน้อยลง หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ร่วมกับการติดเชื้อที่ทราบสาเหตุอยู่แล้ว ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะการวินิจฉัยและรักษาที่รวดเร็วเป็นกุญแจสำคัญในการรอดชีวิต
การวินิจฉัยและการรักษา: แพทย์จะวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อโรค การเพาะเชื้อจากเลือด ปัสสาวะ เสมหะ อุจจาระ หรือหนอง และการส่งตรวจเอกซเรย์ การทำ CT scan หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจดูการทำงานของอวัยวะต่างๆ
หัวใจสำคัญของการรักษาคือ ความรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดเชื้อที่เป็นต้นเหตุและประคับประคองการทำงานของร่างกาย ได้แก่
การให้ยาปฏิชีวนะ: แพทย์จะรีบให้ยาปฏิชีวนะในวงกว้าง (Broad-spectrum antibiotics) โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อควบคุมการติดเชื้อ
การให้สารน้ำทางหลอดเลือด: เพื่อรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่ ร่วมกับการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต
นอกจากนั้นเป็นการรักษาประคับประคองอวัยวะต่างๆ เช่น การให้ออกซิเจน การใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่มีภาวะหายใจล้มเหลว หรือการฟอกไตหากมีภาวะไตวาย
และสุดท้าย การกำจัดแหล่งที่มา หรือเหตุของการติดเชื้อ เช่น การผ่าตัดเพื่อระบายหนองฝี
ใครคือกลุ่มเสี่ยง? ทุกคนสามารถเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่มีบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) และเด็กทารก ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคปอด หรือโรคตับ ตลอดจนผู้ที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) และผู้ที่ใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์คาไว้ในร่างกาย เช่น สายสวนปัสสาวะ หรือสายสวนหลอดเลือด
การป้องกัน: เริ่มต้นที่ การรักษาสุขอนามัย ทานอาหาร สด สุก สะอาด ล้างมือบ่อยๆ
การดูแลแผลติดเชื้อให้ถูกวิธี ถ้าแผลบวม แดง ร้อน เป็นสัญญาณอันตราย ต้องพบแพทย์
การดูแลผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยเบาหวาน ไตวาย โรคตับ หรือผู้สูงอายุ ติดเชื้อง่าย ต้องดูแลไม่ให้เป็นแผล ไม่ให้ป่วยบ่อย
การฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนนิวโมคอคคัส ป้องกันปอดบวม
“Sepsis หรือ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพราะภาวะนี้อาจคร่าชีวิตในเวลาอันสั้น ยิ่งรักษาเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้มากขึ้น หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่อาจเสี่ยงมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด อย่ารอ! ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที” นพ.ศิริชัย กล่าวทิ้งท้าย
**************************************************************************
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทำนัดหมายพบแพทย์ กรุณาติดต่อ :
โทร. 032-616-800 Call Center โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน
โทร. 032-616-880 (7.00 – 19.00 น.) แผนกบริการผู้ป่วยนอก/อายุรกรรม ชั้น 1
โทร. 032-616-888 (24 ชั่วโมง) แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
ข่าวสาร & โปรโมชั่น >> Line ID : @bangkokhuahin

- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis): เป็นระยะเริ่มต้นที่มีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น เริ่มมีไข้ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว ตัวเย็น หรือสับสน
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดชนิดรุนแรง (Severe Sepsis): เมื่อภาวะเริ่มรุนแรงขึ้น จะเริ่มมีการทำงานของอวัยวะล้มเหลว เช่น หายใจลำบาก การทำงานของไตลดลง
- ภาวะช็อกจากการติดเชื้อ (Septic Shock): เมื่อรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำมากนำไปสู่ภาวะช็อก ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลวและมีโอกาสเสียชีวิตสูง ซึ่งภาวะนี้เป็นระยะที่รุนแรงที่สุด

